การเสวนาวิชาการในหัวข้อ “Building Confidence in EMI Classrooms for Teachers and Students” ซึ่งมี ดร.สุรินทร์ ไหมศรีกรด และ ผศ.ดร.เมลดา สุดาจิตรอาภา เป็นวิทยากร ได้ให้บทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการสร้างความมั่นใจทั้งสำหรับครูและนักเรียนในห้องเรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน (EMI) บทเรียนเหล่านี้สามารถสรุปเป็นแนวทางปฏิบัติได้ ดังนี้

ความมั่นใจของครูคือปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จของห้องเรียน EMI

ครูผู้สอนในห้องเรียน EMI มักเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านภาษาศาสตร์และเนื้อหาวิชาการ
ดร.สุรินทร์ เน้นย้ำว่าความมั่นใจของครูส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการสอน หากครูรู้สึกไม่มั่นใจในภาษาอังกฤษหรือกลัวว่าจะสื่อสารไม่ชัดเจน นักเรียนก็อาจรับรู้ถึงความไม่แน่นอนนั้น และส่งผลต่อบรรยากาศการเรียนรู้โดยรวม ดังนั้น การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของครูจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยเฉพาะในด้าน ศัพท์เฉพาะทาง (subject-specific vocabulary) และ การออกแบบกิจกรรมเชิงโต้ตอบ (interactive activities) เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เรียน

นอกจากนี้ ครูควรได้รับการสนับสนุนผ่าน การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ (workshops) และ การโค้ชชิ่งจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการสร้างเครือข่ายครู EMI เพื่อแลกเปลี่ยนเทคนิคการสอนและแก้ปัญหาร่วมกัน การสอนแบบ Team Teaching ระหว่างครูไทยและครูต่างชาติก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความกดดันและเพิ่มความมั่นใจให้ครูผู้สอน

นักเรียนต้องรู้สึกปลอดภัยและได้รับการสนับสนุนในการใช้ภาษาอังกฤษ

ผศ.ดร.เมลดา ชี้ให้เห็นว่าความกังวลหลักของนักเรียนในห้องเรียน EMI มักมาจาก ความกลัวที่จะพูดผิด หรือไม่สามารถสื่อสารความคิดออกมาได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาจนำไปสู่ความเครียดและความไม่มั่นใจ ดังนั้น
ครูควรออกแบบกิจกรรมที่ลดความกดดัน เช่น

  • การใช้ Scaffolding Techniques เช่น การให้คำศัพท์หรือโครงสร้างประโยคก่อนเริ่มบทเรียน
  • การส่งเสริม Growth Mindset โดยย้ำว่าความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
  • การสร้างโอกาสให้ฝึกพูดในบรรยากาศที่ไม่เป็นทางการเช่น การสนทนากลุ่มเล็กหรือการเขียนบันทึกสะท้อนคิด (reflection journals)

สถาบันการศึกษาควรจัด หลักสูตรเตรียมความพร้อม (foundation courses) ด้านภาษาอังกฤษ
เชิงวิชาการก่อนที่นักเรียนจะเข้าสู่ระบบ EMI รวมถึงจัดระบบ พี่เลี้ยง (peer mentoring) ที่ให้นักเรียนรุ่นพี่ช่วยเหลือรุ่นน้อง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้ออำนวย

การออกแบบการสอนต้องเน้นการมีส่วนร่วมและลดช่องว่างทางภาษา

ทั้งสองวิทยากรเห็นพ้องว่าการสอนในห้องเรียน EMI ควรหลีกเลี่ยงการบรรยายแบบทางเดียว (one-way lecture) แต่ควรใช้ กิจกรรมเชิงโต้ตอบ เช่น

  • การอภิปรายกลุ่ม (group discussions)
  • การเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน (PBL)
  • การใช้สื่อหลากหลาย (multimodal aids) เช่น วิดีโอ อินโฟกราฟิก

นอกจากนี้ ครูควรให้ feedback แบบสร้างสรรค์ (constructive feedback) โดยไม่เน้นการจับผิดทางภาษา แต่ให้คำแนะนำเพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารของนักเรียน

 

 บทบาทของสถาบันการศึกษาต่อความสำเร็จของ EMI

เพื่อให้ห้องเรียน EMI บรรลุวัตถุประสงค์ สถาบันการศึกษาต้องให้การสนับสนุนทั้งครูและนักเรียนในระยะยาว เช่น

  • จัดอบรมครูอย่างต่อเนื่องและมีระบบประเมินการสอนเพื่อพัฒนาปรับปรุง
  • จัดหาทรัพยากรการเรียนรู้เช่น คลังคำศัพท์เฉพาะทาง แพลตฟอร์มฝึกภาษา
  • สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่เปิดกว้างให้ทั้งครูและนักเรียนกล้าทดลอง กล้าผิดพลาด และเรียนรู้ร่วมกัน

สรุป การเสวนาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ความมั่นใจในห้องเรียน EMI เป็นเรื่องของทั้งครูและนักเรียน ซึ่งต้องอาศัยการพัฒนาทักษะ การสนับสนุนจากสถาบัน และการออกแบบการสอนที่เหมาะสม ห้องเรียน EMI ที่ประสบความสำเร็จไม่ได้วัดเพียงความคล่องแคล่วทางภาษา แต่รวมถึงความสามารถในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนรู้สึกมีคุณค่าและกล้าแสดงออก ดังนั้น การลงทุนในการพัฒนาครู การเตรียมความพร้อมนักเรียน และการสร้างระบบสนับสนุนที่ยั่งยืนจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของ EMI ในบริบทการศึกษาไทย

 

Author

  • ทรงเกียรติ วิโรจน์กูลทอง

    [Writer]

    เรามุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความรอบรู้อย่างกว้างขวาง มีโลกทัศน์กว้างไกล เข้าใจธรรมชาติตนเอง ผู้อื่น และสังคม เป็นผู้ใฝ่รู้ สามารถคิดอย่างมีเหตุผล สามารถใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสารความหมายได้ดี มีคุณธรรม ตระหนักในคุณค่าของศิลปะและวัฒนธรรมทั้งของไทยและของประชาคมนานาชาติ สามารถนำความรู้ไปใช้ในการดำเนินชีวิตและดำรงตนอยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดี

    View all posts นักพัฒนาการศึกษา